ข้ามถนนอย่างไรจึงจะปลอดภัย
การจราจรในท้องถนนทุกวันนี้เราจะเห็นได้ว่า มีปริมาณรถยนต์ที่ใข้ถนนกันอย่างมากมาย จนทำให้เกิดปัญหารถติด การจราจรติดขัดกันไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในย่านชุมชน และในเขตตัวเมือง ยิ่งรัฐบาลได้จัดให้มีโครงการรถคันแรกสามารถขอคืนภาษีได้ ทำให้รถในบ้านเมืองเราขายดิบขายดีกันจนถึงขนาดผลิตให้ลูกค้าไม่ทัน ต้องจองคิวกันยาวเหยียดกว่าจะได้รับรถ เป็นเหตุให้ปริมาณรถยนต์บนท้องถนนมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุก็มากตามไปด้วย เรื่องนี้ก็ไม่ได้ว่าใครหรอกนะ เพราะใคร ๆ ก็อยากได้ อยากดี อยากมี อยากสบาย กันทั้งนั้นแหละ เมื่อมีโอกาสก็ต้องใช้สิทธิ์กับเขาบ้างจริงไหม ถ้าคุณมีโอกาสเช่นเดียวกันคุณยังอยากใช้บ้างเลย
ส่วนเรื่องที่อยากจะพูดถึงในวันนี้ เป็นเรื่องของคนข้ามถนน เนื่องจากเทคโนโลยีการผลิตรถยนต์ในยุคปัจจุบันมีมีวิวัฒนาการที่สูงขึ้น ทำให้รถยนต์สามารถวิ่งได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ผู้เขียนเองบางครั้งขณะที่กำลังขับรถแซงรถคันหน้าอยู่ยังไม่ทันจะพ้นเลย พอมองกระจกส่องด้านหลังก็ต้องตกใจ
เนื่องจากพบว่ามีรถมาจ่ออยู่ที่ท้ายรถเราแล้ว พร้อมกระพริบไฟหน้าใส่ท้ายเรา แว๊บ ๆ ให้อีกต่างหาก ประมาณว่าหลีกทางให้กูเดี่๋๋ยวนี้นะ อย่าชักช้า ทำอย่างกับว่าถนนนี้เป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว ไม่รู้ว่าบิดามารดา เขามาสร้างให้ไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเขาคิดว่าเขาเสียภาษีรถยนต์คนเดียวรึไงก็ไม่ทราบ
ถึงได้ขับรถกร่างซะขนาดนั้น แต่ เอะ ! ก่อนที่จะแซงคันหน้าก็ว่าดูดีแล้วนี่นา ไม่เห็นจะมีรถคันไหนมาเลย แล้วนี่อะไรกันมันแค่กระพริบตาทีเดียวเท่านั้นเอง มาแล้ว มาจากไหน ละหนอนี่ ตอนแซงคันหน้าก็ไม่ได้ไปแซงตัดหน้าใครนี่นา แล้วผู้เขียนก็ต้องทำรถตัวเองให้ รีบ ๆ เล็ก ๆ เพื่อหลบลงช่องทางซ้าย ให้เขาได้รีบ ๆ ไปอย่างรวดเร็ว วันนี้ขณะที่กำลังขับรถคู่ชีพเพื่อเดินทางไปทำงานที่ต่างอำเภอ บนถนนมิตรภาพขาเข้ากรุงเทพ บริเวณด่านเก็บเงินที่เขาไม่ใช้แล้วหน้าซีเกรท ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งอายุประมาณ 50 ปี เห็นจะได้ แกเดินข้ามถนนจากช่องทางจราจรด้านซ้าย เพื่อข้ามถนนไปอีกด้านหนึ่งที่อยู่ตรงข้าม แกเดินข้ามถนนอย่างใจเย็นมาก หันมามองรถทางด้านขวามือบ้างเล็กน้อยแล้วแกก็เดินเรื่อย ๆ ต่อไป คงคิดว่าอีกตั้งไกลรถยังมาไม่ถึงหรอกอะไรประมาณนี้ ผู้เขียนเห็นคุณป้าแกข้ามแล้วต้องลดความเร็วของรถลงไม่เช่นนั้นต้องชนแกแน่นอน เพราะยังไงเสียแกก็เดินข้ามไม่ทันหรอก จึงได้เหยียบเบรคเพื่อลดความเร็วรถลง ป้าแกชำเลืองตามองนิดนึงแล้วก็เดินข้ามอย่างเอื่อยเชื่อยต่อไป ในขณะนั้นก็มีรถที่ขับเร็วกว่าตามหลังมาเมื่อเห็นรถของผู้เขียนขับช้าก็เร่งความเร็วเพื่อแซงขึ้นมาด้านขวาโดยที่ยังมองไม่เห็นว่ามีคนข้ามถนนอยู่ ก็ใครจะไปคิดว่าจะมีคนข้ามถนนบริเวณนั้น เมื่อเขาเร่งความเร็วแซงขึ้นมาพบคุณป้าแกเดินข้ามถนนอยู่อย่างเชื่องช้า เขาก็ต้องเหยีบเบรคแทบไม่ทัน เพื่อลดความเร็วลงและโยกจากช่องทางขวามาช่องทางซ้ายอย่างรวดเร็วและกระชั้นชิดตัดหน้ารถของผู้เขียนไป ซึ่งผู้เขียนเองก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ตอนที่เขาแซงขึ้นมาเราก็เห็นแล้วเราจึงลดความเร็วของเราลง เพื่อให้เกิดช่องว่างด้านซ้าย เขาจะได้โยกหลบคุณป้านั้นได้ทัน แต่ถ้าเขาเยียบเบรครถ ก็จะเป็นการหยุดรถอย่างกระทันหันถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง และไม่สามารถหยดรถได้ทันการณ์อย่างแน่นอนยังไงก็ต้องชน
คุณป้าคนนั้น จะรู้บ้างไหมหนอ ที่คุณป้าเดินข้ามถนนไปนั้นชาวบ้านเขาเดือดร้อน รถที่เขาวิ่งมาและไม่ชนคุณป้าน่ะ เป็นเพราะว่าเขาเบรคกันหัวทิ่มหัวตำ และเขาก็ให้พรที่คุณป้าได้ยินแล้วไม่อยากจะได้ในรถกันด้วย คุณป้าค่ะ คุณป้าไม่ทราบและไม่ได้ยินหรอกว่าเขาพูดอย่างไรบ้าง แล้วคุณล่ะเคยพบเหตุการณ์เช่นนี้บ้างหรือไม่ หรือเคยมีพฤติกรรมการข้ามถนนอย่างคุณป้าท่านนี้หรือไม่ อย่างไรกันบ้างคะ
รู้ไว้ใช่ว่า
แบ่งปัน มุมมอง ทัศนคติ ความคิดเห็นส่วนตัว เกี่ยวกับเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ประสบพบมาในชีวิตประจำวัน ให้ทุกท่านที่สนใจได้ศึกษาเรียนรู้และร่วมแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันเพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตให้มีคุณภาพที่ดีต่อไป
วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
รักลูกให้ถูกทาง
รักลูกอย่างไรถึงจะดี
ความรักที่เราได้พบในครั้งนี้เป็นความรักของแม่ที่มีต่อลูก เรื่องก็มีอยู่ว่า วันนี้ขณะที่เรากำลังทำงานวุ่นวายอยู่กับนักเรียนที่มาขอสอบจุดประสงค์การเรียนรู้ใหม่ เนื่องจากสอบไม่ผ่าน และตอนนี้ก็ใกล้จะสอบปลายภาคเรียนแล้ว ถ้าใครเป็นคุณครูสอนนักเรียนระดับมัธยมคงพอจะนึกภาพออก ก็มีผู้ปกครองนักเรียนมาขอพบเรา บอกว่ามาพบเรื่องหนังสือของลูก เนื่องจากลูกไปบ่นให้ฟังว่าไม่มีหนังสือไปส่งคืนครู แล้วครูจะให้ติด “ร”และบอกกับเราว่าเป็นคนจัดหนังสือให้ลูกตลอดไม่เคยเห็นหนังสือเล่มนี้เลย คุณครูไม่ได้ให้มา แล้วจะมาให้ส่งคืนได้อย่างไร จะเอาหนังสือที่ไหนมาส่ง ไปหาซื้อในเมืองแล้วก็ไม่มีขาย เราก็นึกสงสัยในทันทีว่านี่แม่จัดหนังสือให้ลูกตลอดเลยหรือ เอะ ! แล้วตกลงใครเป็นคนเรียนกันแน่ แม่หรือลูก เราได้ชี้แจงวิธีการให้เด็กนักเรียนใช้หนังสือยืมเรียนให้ฟังว่ามีวิธีดำเนินการอย่างไรบ้าง คุณแม่ท่านนี้ก็ยืนยันว่าลูกของตนขาดเรียนบ่อย ครูอาจจะให้หนังสือในวันที่เขาไม่มาเรียนจึงไม่ได้รับหนังสือไป
หลังจากได้พูดคุย สอบถามชื่อลูกแล้ว ก็รู้ว่าเป็นใคร และเรียนวิชาใด เมื่อตรวจสอบหลักฐานที่ครูมีอยู่ ก็พบว่า ลูกไม่ได้ทำงานส่งครูเลย การบันทึกคะแนนกิจกรรมปฏิบัติในช่องที่มีชื่อลูกและเพื่อน ๆ ในกลุ่มของลูกมีคะแนนปรากฏให้เห็นประมาณสัก 10 % ของคะแนนทั้งหมด คะแนนอื่น ๆ มีครบ ทุกช่อง เนื่องจากเขาไม่ได้ขาดเรียนในวันที่มีวิชาของเราเลย"งั้นคุณแม่เชิญลูกมาพบครูด้วยเลยดีไหม"คุณแม่ก็จัดการโทรศัพท์หาลูกให้มาพบคุณครู ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาที่นักเรียนพักรับประทานอาหารกลางวันไปประมาน 30 นาทีแล้ว ลูกบอกว่ากำลังสอบอยู่มาพบคุณแม่และครูไม่ได้ ไม่เป็นไรเอาละถ้าคุณแม่ว่าไม่ได้หนังสือก็ไม่เป็นไร คุณแม่เอาเล่มใหม่ไปให้ลูกทำงานส่งครูนะ ลูกรู้ทั้งหมดแล้วว่าทำอะไร ที่ไหน หน้าไหน และทำอย่างไร เดี๋ยวคะแนนรวมจะได้น้อยอาจจะไม่ผ่านวิชานี้ก็ได้นะ คือได้คะแนนรวมทั้งหมดไม่ถึง 50 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100คะแนน คุณแม่ท่านนี้ก็ขอเบอร์โทรศัพท์ของคุณครู และรับหนังสือเล่มใหม่กับไปให้ลูกเพื่อทำงานส่งครูต่อไป เวลาผ่านไปสองชั่ว บังเอิญได้พบนักเรียนคนนั้นอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่เรียนด้วยกัน ก็เลยสอบถามเรื่องหนังสือไป เพื่อนคนหนึ่งก็หันไปพูดกันเธอว่า เธอเคยบอกว่าหนังสือหายไปไหนไม่รู้ไง อ้าวแล้วไหนบอกแม่ว่าไม่ได้หนังสือ เพื่อนคนอื่นก็ยืนยันว่าเธอได้รับแล้ว ถ้าเช่นนั้นก็หมายความว่านักเรียนรับหนังสือไปแล้วไม่รับผิดชอบ ไม่ใส่ใจดูแลหนังสือเท่าที่ควร และไม่ใส่ใจใช้หนังสือนั้นทำกิจกรรมส่งครูเลยตลอดเวลาที่ผ่านมา และไม่เคยบอกครูว่าหนูยังไม่ได้หนังสือ หรือหนังสือหนูหาย เธอเพิ่งจะมาเดือนร้อนเพราะครูแจ้งว่าใครไม่คืนหนังสือครูจะให้ติด“ร” ไว้ก่อนจนกว่าจะนำหนังสือมาส่งคืนนี่เอง
จากนั้น สามทุ่มครึ่งคุณแม่ก็โทรมาหาคุณครู ถามว่าที่ให้ทำงานส่งนั้น ทำอะไรตรงไหนบ้าง เนื่องจากตอนนี้การบ้านลูกเยอะมากลูกกำลังทำวิชาอื่นอยู่ เราคิดในใจทันทีจะไม่เยอะได้อย่างไร เฉพาะของครูทั้งหมดที่ยังไม่ได้ทำส่งนี่นะ เขาใช้เวลาเรียนกันตั้ง 8 สัปดาห์ ๆ ละ 2 ชั่วโมง แล้วจะทำให้เสร็จภายในวันสองวันนี้จะไหวรึ เฮ้อ !ครูละ....เนื่อยแทนคุณแม่ ได้แค่คิดในใจไม่ได้ว่าอะไรเขาไปหรอก แล้วก็อธิบายงานทั้งหมดให้คุณแม่ฟังอย่างละเอียดยิบ เหมือนตอนที่สอนนักเรียนเลย เมื่อเขาใจตรงกันแล้วระหว่างคุณแม่กับคุณครู คุณแม่ก็ขอบคุณและวางสายโทรศัพท์ไป
จากเหตุการณ์ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ทำให้เราได้พบว่าความรักของแม่ที่มีต่อลูกนั้นมันยิ่งใหญ่มากมายนัก ยอมทำทุกอย่างเพื่อลูก ช่วยเหลือลูก เป็นเดือดเป็นร้อนแทนในงานที่ลูกพอกหางหมูเอาไว้ แต่รักนี้ในความเห็นของเราเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่แต่ไม่ถูกทางซะมากกว่านะ ลูกมาเรียนไม่มีหนังสือทำงานส่งครู ไม่เคยทุกข์ร้อน เขาส่งงานได้คะแนนกันไม่สน ในระหว่างชั่วโมงเรียน นั่งเล่น คุย แอบเล่นแต่โทรศัพท์มือถือ
วันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
แมวรักอิสระ (ตอน 1)
แมวชอบความเป็นอิสระ ไม่ชอบให้กักข้งไว้นะ
ธรรมชาติของแมวมักจะชอบความเป็นอิสระ ไม่ชอบให้มนุษย์เลี้ยงแบบกักขังไว้ แมวเป็นนักล่าไม่ชอบหยุดนิ่ง พร้อมที่จะจู่โจมทุกเมื่อในเวลาที่พบสิ่งที่เป็นเยื่อของ หนู นก จิ้งจก แมลง และสัตว์เลื้อยคลานขนาดเล็ก อย่าได้มาให้เห็นเป็นอันขาด
เราเป็นคนที่รักและชอบแมวมาก ๆ อาจคงเป็นเพราะว่าเราเกิดปีขาลก็เป็นได้ เสือเราไม่สามารถนำมาเลี้ยง มากอด มาอุ้ม ให้ข้าวให้น้ำได้ ก็เลยชอบแมวรักแมวแทนละกัน ที่บ้านเราเลี้ยงแมวไว้ทั้งหมด 4 ตัว แต่ละตัวมีที่มาแตกต่างกัน ตัวแรกเป็นแมวเปอร์เซียสีเทา ตัวผู้ ได้มาตอนเป็นเด็ก ๆ อายุประมาณ 3 เดือน ชื่อว่า “พ่อเพชร” มีคนให้มาเนื่องจากเขาเป็นแมวที่สุขภาพไม่ค่อยดี เขาจะถ่ายบ่อยและมีกลิ่นเหม็นมาก และจะเลอะเทอะบริเวณขนที่ก้นตลอด ต้องนำไปล้างน้ำตลอดไม่งั้นจะแห้งติดเจ้าของเดิมเคยพาไปหาสัตว์แพทย์แล้วพบว่าเขาทานปลาทะเลไม่ได้จะท้องเสียตลอด ก็ไม่เป็นไรเราเลี้ยงเองก็ได้เพราะเราอยากได้แมวเปอร์เซียอยู่แล้วนี่ ก็เลี้ยงกันด้วยอาหารเม็ดยี่ห้อดัง ๆ ราคาแพง ๆ กันมาตลอด เขาไม่ขอบกินข้าวคลุกปลาทูนะ แต่เขาจะทานปลาทูนึ่งอย่างเดียว และอาหารเม็ด
เพชรเองครับผม |
จนกระทั่งโตเป็นหนุ่มวัยรุ่นละ ในบ้านมีแมวตัวเดียวก็สงสารเขาไม่มีเพื่อนเล่น บางวันเราก็ไม่มีเวลาได้เล่นกับเขาสักเท่าไหร่ ก็เลยคิดวางแผนว่าจะต้องไปหาลูกแมวอีกสักตัวมาเป็นเพื่อนเล่นกับเขา เพราะถ้าเป็นลูกแมวตัวเล็กน่าจะเข้ากับเขาได้ ก็ไปเสาะหาแมวที่อยากได้ตัวต่อไปคือแมวลายเสือสีเหลืองตัวผู้ มีคนบอกว่าที่บ้านเขามีเป็นลูกแมวอยู่เลยสองตัวด้วยเป็นตัวผู้หมดเลย เขาบอกว่าที่บ้านกำลังจะนำไปปล่อยวัดเพราะไม่มีใครเลี้ยง เราก็เลยรีบเดินทางไปรับทันที พอไปถึงพบว่าสีเหลืองตัวผู้สองตัวนั้นตัวเล็กมากๆ ถ้าเอามาให้พ่อเพชรเล่นมีหวังไม่โตกันพอดี แต่มีอีกตัวหนึ่งสีลายเสือเขียว ๆ ดำ ๆ ไม่สวยหรอกเป็นเพศเมีย โตกว่าหน่อยหนึ่ง ก็เลย “เอาตัวนี้ก็ได้วะ เดี๋ยวพอโตก็เอาไปทำหมันก็ได้” และก็ได้เธอมาเป็นเพื่อนเล่นกับพ่อเพชร แต่เธอเป็นลูกแมวตัวเล็ก ก็เลยได้ชื่อว่า “แม่เล็ก” และก็มีพ่อเพชรเป็นผู้ดูแลแม่เล็กและเป็นของเล่นที่ดีของพ่อเพชร
เมื่อแม่เล็กโตเป็นสาว เริ่มมีตัวผู้จากที่อื่นแอบเข้ามาจีบในตอนกลางคืนดึก ๆ ทำให้พ่อเพชรต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วยเพราะจะถูกแมวที่อื่นเข้ามากัดและเกิดการต่อสู้กันขึ้น ปัญหาก็มีอยู่ว่าพ่อเพชรเป็นแมวพันธุ์เปอร์เซียขนยาว เมื่อมีแผลที่ตัวและเกิดการอักเสบเราจะไม่รู้และมองไม่เห็น บางครั้งเราไปอุ้มถูกแผลเขาก็จะโกรธและกัดเราบ้างเพราะเขาเจ็บ เราจะรู้เมื่อมันอักเสบมากจนมีหนองไหลมาให้เห็นนั่นแหละ ถึงตอนนี้ก็ต้องหอบหิ้วไปให้หมอล้างแผล ทำแผลให้แล้วละเพราะเราไม่สามารถทำเองได้ เขาจะไม่ยอมและดิ้นรนที่จะหนีอาจจะเป็นเพราะกลัวคนแปลกหน้าและเจ็บเพราะวิธีการล้างแผลก็คือต้องตัดขนบริเวณที่เอกเสบออก เปิดหาปากแผลและคว้านเข้าไปใต้ผิวหนังในขณะใช้น้ำยาล้างแผล ตอนนี้ต้องช่วยกันจับเพราะแมวเปอร์เซียแรงเยอะมากเราจับเองก็เอาไม่อยู่และต้องระวังจะโดนเขางับเอาด้วยนะ หมอบอกว่าถ้าไม่ล้างแผลทำแผลให้ดี และต้องฉีดยาฆ่าเชื้อและแก้อักเสบเขาก็จะไม่หายและจะกลับมาอักเสบอีก และถ้าเราปล่อยทิ้งไว้ไม่ทำอะไรเลยแผลก็จะลุกลามไปเรื่อย ๆ และตายไปในที่สุด นึกภาพแล้วก็คงจะเจ็บปวดทรมานน่าดู ก็เลยต้องยอมให้หมอล้างแผลและทำแผลฉีดยาอีกประมาณสามวัน หลังจากนั้นก็ต้องป้อนยาเม็ดกันต่ออีกสามสี่วัน ค่ารักษาเบ็ดเสร็จแล้วก็ 1,000 บาท เสียดายเงินค่ารักษาก็เสียดาย แต่ความรักแมวมีมากกว่า ก็เลยต้องยอมจ่ายทั้งที่เงินรายได้ก็ไม่ค่อยจะดีหรอก เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเป็นประจำประมาณเดือนละครั้ง จนพ่อเพชรกลัวคนแปลกหน้าและไม่กล้าออกจากบ้านไปไหนเลยจะอยู่บ้านชั้นสองตลอด จะลงมาชั้นล่างก็ต่อเมื่อเราเลิกงานมาแล้วได้ยินเสียงรถเราจอดเมื่อไรก็จะรีบลงมานั่งรอรับ ถ้าไม่มารอรับก็จะชะโงกหน้ารออยู่ที่ขั้นบันไดบ้าน หรือถ้าข้าหน่อยก็ ไม่ขึ้นมาชั้นสองสักทีนั่นแหละจะลงไปตามและเรียกร้องเสียงดัง ๆ ประมาณว่า “ทำไมไม่ขึ้นมาซักทีนะ” ส่วนแม่เล็กเธอก็เริ่มตั้งท้องเสียแหละยังไม่ทันได้ทำหมันเลย “เอ้แล้วแม่เล็กจะท้องกับตัวไหนนะจะมีลูกพ่อเพชรบ้างรึเปล่า อ้าวรอลุ้นกันต่อไปนะ”
ผมถั่วเขียวเองครับ
เวลาล่วงเลยผ่านไป ถั่วดำและถั่วเขียวเริ่มโตเป็นหนุ่มเป็นสาว ปัญหาที่ตามมาก็คือมีแมวจากที่อื่นเข้ามาจีบและเจ้าเพชรเริ่มถูกทำร้ายอีก ก็เลยตัดสินใจทำหมันให้แม่เล็ก ถั่วเขียวและถั่วดำ โดยคุณหมอคิดค่าทำหมันเพศผู้ 200 บาท เพศเมีย 300 บาท ราคาไม่เท่ากันเพราะคุณหมอบอกว่าเพศเมียทำยากกว่าเพศผู้ หลังจากทำหมันกลับมาบ้านคุณหมอก็สั่งว่าอย่าให้เขาเลียแผลนะเดี๋ยวแผลจะแฉะไม่หาย และต้องมาเย็บใหม่ พร้อมทั้งแนะนำให้ใส่ที่ครอบหน้าเพื่อป้องกันไม่ให้เลียแผลตัวเองได้
ผ่านไปสามวันแผลเริ่มมีปัญหา เพราะเขาสามารถเลียแผลตัวเองได้ ก็เลยกลับไปให้หมอดูอีก หมอบอกว่าต้องเย็บใหม่เนื่องจากแผลแฉะน้ำลายที่เขาเลียและไม่แห้ง เอาละซี งานเข้าอีกแล้ว ว่าแล้วคุณหมอก็จัดการเย็บแผลให้ใหม่ และคิดค่าทำแผลใหม่อีกคราวนี้คุณหมอบอกว่าคิดแค่ครึ่งหนึ่งก็พอแล้ว ก็ค่อยยังชั่วหน่อยนึกว่าจะต้องเสียเงินใหม่เต็ม ๆ ซะแล้ว แต่ที่แน่ ๆ คือต้องเปลี่ยนที่ครอบหน้าใหม่ให้มีขนาดใหญ่กว่าเดิมอีก เพื่อไม่ให้เขาจะสามารถเลียแผลได้อีก ก็เกิดปัญหาใหม่ตามมาอีกคือเจ้าถั่วเขียวเขาหนักหน้ายกหัวไม่ค่อยจะขึ้นเวลาเดินก็เดินหัวทิ่มไปก่อน ดูไปก็ตลกดีเหมือนกัน เวลาจะทานอาหารเม็ดหรืออะไรก็จะต้องถอดออกก่อน อยู่มาไม่นานถั่วดำก็หายออกจากบ้านไปอีก 1 ตัวหลังจากที่โตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)